“ได๋ ไดอาน่า” เล่าเคสผู้ป่วยโควิด-19 ที่ตนได้พบเจอ ทำเอาทุกคนในทีมเสียน้ำตากันทุกวัน โอดตอนนี้เหมือนอยู่ในสงคราม “นิหน่า” เผยแนวทางหากรู้ตัวว่าติดเชื้อโควิดต้องทำอย่างไรก่อนอันดับแรก
ร่วมกันทำเพจ #เราต้องรอด สำหรับ จ๊ะ นงผณี มหาดไทย , ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ และ นิหน่า สุฐิตา ปัญญายงค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังขาดเตียงรักษา ล่าสุด ได๋ และ นิหน่า ได้มาเปิดใจในรายการแฉเล่าถึงสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ พร้อมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจหากตกเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง รวมถึงเคสต่างๆที่พบเจอทำเอาได๋-นิหน่าและทีมงานถึงกับหลั่งน้ำตา
ได๋ : “ตอนแรกที่ทำเพจมันคือได๋ กับ จ๊ะ ทำกันสองคน เราทำกันแบบไม่ได้รู้ระบบอะไร วันที่ 3 ของการเปิดเพจ อินบ็อกซ์ก็เข้ามาไม่หยุด ทั้งจ๊ะทั้งได๋ ต้องถ่ายรายการ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่สามารถปล่อยอินบ็อกซ์โล่งๆ โดยที่ไม่มีคนดู นิหน่าเขาน่ารักมาก เขาทักมาในอินบ็อกซ์ว่ามีอะไรให้ช่วยไหม จะบอกว่าเราไม่ได้สนิทกันเลย เรารู้จักกันผ่านๆ ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน เรารู้สึกว่าเขาน่ารัก และเขามีใจจะช่วย เลยบอกว่านิหน่าเอาอินบ็อกซ์ไปเลยนะ อยากทำอะไรทำเลย พอเรากลับมาตอนเย็น นิหน่าเขาเซ็ตระบบให้หมดเลย เขาไปหาอาสาสมัครมาช่วยกัน ในวันที่ 4 ของการทำเพจเราก็มาประชุมและฟอร์มทีมกันเริ่มจากทีมเล็กๆ 10 กว่าคน จนตอนนี้รวมทุกส่วนแล้วมี100 อัป”
เล่าสถานการณ์จริงๆ ที่เจอ ณ ตอนนี้ พร้อมบอกแนวทางหากรู้ตัวว่าติดเชื้อโควิดต้องทำอย่างไรก่อนอันดับแรก
นิหน่า : “ปัญหาจริงๆ ตอนนี้เป็นเรื่องของความรู้ความเข้าใจของประชาชนในเรื่องของโรค เรากำลังมีการทำเรื่องของ home isolation คือคนยังติดภาพว่าเป็นโควิด ทุกคนต้องได้เตียง เตียงต้องมาเร็ว ในที่นี้คือผลออก 10.00 น. บ่ายต้องมีเตียงมารับ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าผู้ติดเชื้อเยอะมาก กว่าจะเข้าระบบเตียง เราต้องลงระบบเอง และมีหลายๆ หน่วยงานที่ลงระบบ ซึ่งพอคุณลงแล้วชื่อของคุณจะไปอยู่ในระบบกลาง มันสะดวกกับทุกฝ่าย แต่เรื่องนี้ประชาชนจะไม่รู้ ไม่เข้าใจ”
ได๋ : “ทุกคนจะเข้าใจว่าพอเป็นโควิด แล้วเหมือนเป็นไข้หวัดที่เราจะไปรักษาที่ไหนก็ได้ คนไข้ทุกคนที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิดคุณจะต้องเข้าระบบกลาง เพื่อที่จะได้รับการรักษา ไม่ว่าคุณจะส่งไปกี่เพจ กี่ที่ โทร.ไปหาที่ไหน ท้ายที่สุดแล้วคุณจะต้องเข้ามารับการรักษาในระบบกลาง แล้วชื่อก็จะไปตามลิสต์คิว แต่เราเข้าใจคนไข้ พอรู้ว่าผลตัวเองก็จะเริ่มแพนิค แล้วไม่รู้ว่าตัวเองจะไปต่อยังไง”
นิหน่า : “ต่อมาเป็นเรื่องของการหาเตียง เราเข้าใจว่าผู้ติดเชื้อเยอะ งานทุกส่วนก็จะโหลดหมด มันก็จะเป็นปัญหาคอขวดที่บางทีผู้ติดเชื้อตามสีเขียวเหลืองแดง คือทำให้เชื้อสีแดงที่ปะปนกับผู้ติดเชื้อทั่วไปยังไม่มีโอกาสในการรักษา ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เจอ”
เล่าเสียน้ำตากันทุกวัน เล่าเคสคุยกับผู้ป่วยจนอีกฝ่ายจากไปขณะอยู่ในสายเลยก็ยังมี
ได๋ : “เราทำเพจนี้มาตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน เราอยู่กับความตาย เราโทรศัพท์ไปหาปลายสายแล้วทุกคนน้ำเสียง พี่ช่วยหนูด้วยนะ พี่อย่าทิ้งหนูนะ หรือวันก่อนเราเจอยายออกซิเจนดร็อปจนเขาไม่รู้สึกตัวแล้ว เราก็ได้แต่บอกเขาว่าเราคุยกับยายอยู่นะ เราจะพูดให้ยายรู้สึกตัวจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง เราก็ช่วยเขาเปิดลำโพงคุยนะยาย หายใจเขาลึกๆ หายใจตามหนูนะคะ เราช่วยอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยังเสียชีวิต เราก็พูดกับเขาจนเขาจากไป เราก็จะมีความรู้สึกว่าทำไมเราช่วยเขาไว้ไม่ได้ แล้วเราเจอแบบนี้ทุกวัน”
โอดทุกวันนี้รู้สึกเหมือนตนเองอยู่ในสงคราม เก็บเอาไปนอนฝัน
นิหน่า : “เราทำงานแบ่งกะกัน นิหน่าจะเป็นกะเช้า 6.00น.-21.00น. จากนั้นได๋จะเข้าต่อถึง7.00น.”
ได๋ : “เวลาเข้าเวรเราต้องคอยมอนิเตอร์อินบ็อกซ์ว่ามีใครส่งอะไรมาบ้าง แล้วผู้ติดเชื้อที่อยู่ในไลน์OAของเรา มีรายไหนไม่ไหวแล้วบ้าง เราจะต้องประสานงานต่อเพื่อส่งออกซิเจนไปให้เขาในตอนที่เขาไม่ไหวแล้ว มันเหมือนเรารับ…พูดตรงๆ เลยนะ ตอนนี้เหมือนรู้สึกว่าเราอยู่ในสงคราม”
นิหน่า : “ช่วงแรกๆ นอนไม่ค่อยหลับ มันได้ยินเสียง มันเห็นภาพ ได๋มาเล่านิหน่าเราฝันตลอดเลยว่าเราไปในที่ที่คนเยอะ แล้วทุกคนขอให้เราช่วยหมดเลย จนนิหน่าบอกว่าแกต้องเอาตัวเองออกมาบ้าง”
ได๋ : “ด้วยเราเป็นคนที่ทำอะไรจริงจังมากๆ อย่างบอกเคสเรารู้ว่าเดี๋ยวมีรถพยาบาลไปรับ เราก็จะไปตามเฝ้าว่ามาหรือยัง เราก็ไปนั่งอยู่ตรงนั้นจนกว่ารถจะมาเราถึงจะกลับบ้านไปนั่งตอบอินบ็อกซ์ต่อ ทำอยู่แบบนั้นประมาณ 2-3 อาทิตย์ พอถึงจุดนึงแล้วมันนอนฝัน เลยเบรกตัวเอง หยุดออกไปนั่งอยู่แล้วตอบแค่อินบ็อกซ์อย่างเดียว”
นอกจากยอมอดหลับอดนอนแล้วยังลงทุนซื้อรถฉุกเฉินเองด้วย
ได๋ : “ซื้อมือ 2 ไม่เท่าไหร่ ประมาณ 5 แสน”
นิหน่า : “คันแรกได๋หนีไปซื้อเอง คือสมทบทุนกันไปกันมาแล้วเงินขาด ได๋เขาก็จ่ายเอง (ได๋เป็นคนที่ประหยัดมาก แทบจะไม่ใช้เงิน?)) แต่เชื่อไหมว่าทุกวันนี้เขาเปย์มากๆ จนคันที่ 2 ทุกวันนี้มี 3 คัน เขาไปแอบออกเงินเองอีก จนนิหน่าต้องไปประกาศภายในวงเพื่อนว่าขอให้เพื่อนๆ ช่วยสมทบทุนกันนะคันนี้ คือได๋ออกไปเกินครึ่งล้านแล้ว”
ได๋ : “เราเป็นคนที่สำหรับคนอื่นเราเต็มที่ แต่สำหรับตัวเองถ้ามันไม่จำเป็นมันก็ไม่ต้อง นี่มันชีวิตคน ยังไงเราก็ต้องช่วย ของเรามี คนเรามี แต่รถเราไม่มีไง มันเป็นอุปสรรคเดียวที่เราจะช่วยคนได้ ฉะนั้นถ้าปัญหามันคือตรงนี้ แล้วเงินสามารถแก้ปัญหาได้ ก็จัดการไปซะ เดี๋ยวค่อยไปหาเอาข้างหน้า”
เผยเคสที่ทำให้ทีมรู้สึกเสียใจมากๆ จนถึงทุกวันนี้
นิหน่า : “ เป็นคุณตา อายุ 72 ปี ซึ่งนิหน่าเป็นคนรับเคสนี้ โดยเคสนี้คุณตากับคุณยายอยู่ด้วยกัน และมีลูกอีกคน พอทราบว่าคุณตาติดโควิดไม่นานอาการก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว จึงตัดสินใจส่งอาสาสมัครไปช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทัน แถมตอนแรกเผาศพคุณตาก็ไม่มีใครไป เพราะลูกมีความเสี่ยงสูง ส่วนภรรยาก็ติดเชื้อโควิด แล้วลูกสาวบอกกับทีมอาสาสมัครว่า ฝากส่งคุณพ่อด้วยนะพี่”
ได๋ : “พอเราได้ยินอย่างนี้เราก็คุยกับทีมอาสาว่า ลูกยังไงก็ต้องได้ไปส่งพ่อ เลยคุยกันว่าไปรับเขา ให้เขาส่งในรถก็ยังดี เขาก็เลยต้องนั่งอยู่ในรถ ถือดอกไม้จันทน์ในมือ ส่งพ่อจากในรถพยาบาลไกลๆ แค่นั้น”
อ่านบทความและอื่น ๆ ( “ได๋-นิหน่า” สะเทือนใจ เหมือนกำลังอยู่ในสงครามช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด บางเคสเสียชีวิตคาสาย - ผู้จัดการออนไลน์ )https://ift.tt/3dYLfKI
บันเทิง
Bagikan Berita Ini
0 Response to "“ได๋-นิหน่า” สะเทือนใจ เหมือนกำลังอยู่ในสงครามช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด บางเคสเสียชีวิตคาสาย - ผู้จัดการออนไลน์"
Post a Comment