Search

5 โมเมนต์ กระแทกใจ กีฬา ปลุกคนไทย ยิ้มได้ - ไทยรัฐ

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มนุษยชาติ ไม่มียอมแพ้ ไม่มียอมจำนน ระดมสมอง คิดค้น จนผลิตวัคซีนมาสร้างภูมิคุ้มกันจนได้ พร้อมๆกับหาทางป้องกันในทุกๆทาง เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันเหมือนอย่างที่เคย หรือหากไม่ได้จริงๆให้ใกล้เคียงที่สุดก็ยังดี

วงการกีฬาโลกก็เช่นกัน เมื่อหลายๆประเทศเริ่มทยอยฉีดวัคซีนกันแล้ว ก็มีการวางแผนอย่างรัดกุม โดยเฉพาะแนวทางบับเบิล จำกัดพื้นที่ นักกีฬา เจ้าหน้าที่ ในแต่ละเกม มีการตรวจหาเชื้อเพื่อความปลอดภัย เพื่อให้การแข่งขันรายการต่างๆกลับมาจัดได้ เดินหน้าไปได้
แม้จะยังจัดการแข่งขันไม่ได้เต็มรูปแบบเหมือนเก่า แต่ก็ยังดีที่ยังพอให้ได้เชียร์ ได้สนุกกันขึ้นมาบ้าง

ตลอดปี 2564 สำรวจตรวจสอบแล้ว นักกีฬาไทยที่เริ่มเดินทางไปแข่งขันรายการสำคัญๆทั่วโลกก็สร้างชื่อ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ช่วยทำให้พี่น้องชาวไทยพอจะมีความสุขหล่อเลี้ยงหัวจิตหัวใจในยามที่ต้องต่อสู้กับโควิด–19 ต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำได้บ้าง

ในโอกาสวันส่งท้ายปีนี้ กราวกีฬาไทยรัฐ จึงอาสารวบรวม 5 โมเมนต์ ประทับใจตลอดปี ที่เชื่อว่าผลงานกระแทกใจแฟนกีฬาไม่มากก็น้อย มาบันทึกเป็นความทรงจำดีๆกันอีกครั้ง

หัวใจเต้นรัว 7 วิ พลิกชีวิต “เทนนิส”

ยังคงจำกันได้ดีกับช่วงเวลาระทึกขวัญแบบสุดๆ เมื่อ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทย หมายเลข 1 ของโลก วัย 24 ปี กลายเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการกีฬาไทย เมื่อกระชากเหรียญทอง โอลิมปิก โตเกียว 2020 เมื่อเดือนกรกฎาคม มาครองได้สำเร็จ สร้างความสุขให้แฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศ

ในรอบชิงชนะเลิศ รุ่น 49 กก.หญิง พาณิภัคทำเอาแฟนกีฬาชาวไทยเกือบหัวใจวาย เมื่อเจอกับอาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส จากสเปน โดยคู่แข่งวัย 17 ปี ดีกรีแชมป์ยุโรป ปี 2020 คนนี้ ไทยไม่เคยเจอมาก่อน สไตล์การเล่นจึงไม่ชัดเจน จนเกือบทำให้จอมเตะสาวไทยต้องเป็นฝ่ายปราชัย

ปลายยก 3 สกอร์ของ “เทนนิส” ยังตามหลัง 9-10 คะแนน สถานการณ์เป็นรองสุดๆ แต่สุดท้ายเธอสวมหัวใจสิงห์ พลิกนรกในช่วง 7 วินาทีสุดท้าย เดินหน้าบุกแหลก เตะเข้าลำตัวได้แต้ม จนแซงเอาชนะไปได้อย่างเหลือเชื่อ 11-10 คะแนน คว้าเหรียญทองที่รอคอยมาได้สำเร็จ ส่วนสาวแดนกระทิงดุถึงกับทรุดนั่งร้องไห้ทันที

เหรียญทองของ “เทนนิส” พาณิภัค ถือเป็นเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของกีฬาเทควันโดไทย และเป็นเหรียญทองที่ 10 ของทัพไทย หลังจากส่งนักกีฬาเข้าร่วมโอลิมปิกครั้งแรก เมื่อปี 1952

จอมเตะสาวไทยที่ได้รับเงินอัดฉีดไปร่วม 30 ล้านบาท และยังได้เลื่อนยศเป็นเรืออากาศตรีหญิง ยืนยันว่ายังไม่จบแค่นี้ ยังวางเป้าทำแฮตทริกได้เหรียญโอลิมปิก 3 สมัย ในโอลิมปิก ปารีส 2024 อีกด้วย หลังจากได้ 2 เหรียญ ทั้งเหรียญทอง โอลิมปิก โตเกียว 2020 และเหรียญทองแดงริโอ 2016 เท่ากับมนัส บุญจำนงค์ นักชกเสื้อกล้าม พิมศิริ ศิริแก้ว และวันดี คำเอี่ยม 2 จอมพลังทีมชาติไปแล้ว

“กร” 3 ทองประวัติศาสตร์ พาราลิมปิก

ต่อจากโอลิมปิก โตเกียว 2020 เป็นพาราลิมปิก โตเกียว 2020 ซึ่งนักกีฬาพาราลิมปิกไทย

ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน สร้างความประทับใจให้แฟนกีฬาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “กร” พงศกร แปยอ นักวีลแชร์เรซซิ่ง วัย 24 ปี จากจังหวัดขอนแก่น กลายเป็นคนแรกของไทยที่ได้ถึง 3 เหรียญทอง จากพาราลิมปิกครั้งเดียว

ก่อนหน้านี้ มีเพียงพงศกร และ ประวัติ วะโฮรัมย์ รุ่นพี่ร่วมทีมชาติ ที่สามารถคว้าได้สูงสุด 2 เหรียญทองในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งเดียว แต่ตอนนี้ “กร” ขึ้นแท่นแล้ว แถมทำลายสถิติโลกในรายการ 400 ม. และยังทำลายสถิติพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ได้ถึง 2 รายการ คือ 100 ม. และ 800ม. จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่เป็นที่เรียบร้อย

“ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าก่อนไปแข่งขัน ผมไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้มากขนาดนี้ แต่มาได้ถึง 3 เหรียญทองต้องบอกว่าคุ้มค่ามากๆกับการฝึกซ้อมมานานหลายปี” พงศกรที่ทำผลงานรวมพาราลิมปิก 2 ครั้งล่าสุด ได้ถึง 5 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน รับเงินรางวัลอัดฉีดไปไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท กล่าว

“โปรเหมียว” รุกกี้แห่งปี แอลพีจีเอ

ตลอดปี 2564 ผลงานของกอล์ฟหญิงไทยถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ตระเวนกวาดแชมป์กันได้ต่อเนื่อง แต่ที่โชว์ฟอร์มสะดุดตาที่สุด เป็น “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ วัย 21 ปี ที่ได้รับรางวัลรุกกี้แห่งปี และรางวัลอันนิกา เมเจอร์ อวอร์ด ประจำปี 2021 จากการประกาศของแอลพีจีเอทัวร์

ปภังกร มือ 13 ของโลก ผงาดคว้ารางวัลนักกอล์ฟรุกกี้แห่งปี หลังจากทำคะแนนสะสมทิ้งห่าง เลโอนา แม็กไกวร์ จากไอร์แลนด์ โดยผลงานของ “โปรเหมียว” ในแอลพีจีเอทัวร์ ปี 2021 เล่นไปทั้งหมด 18 รายการ คว้าแชมป์ 1 รายการ ได้แก่ เอเอ็นเอ อินสไปเรชัน เมเจอร์แรกของปี และจบลงใน 10 อันดับแรกได้ถึง 10 รายการ ทำให้โปรสาวรายนี้ กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อจาก “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล รุ่นพี่ที่เคยคว้ารางวัล เมื่อปี 2013

นอกจากนี้ ปภังกรยังได้รับรางวัลอันนิกา เมเจอร์ อวอร์ด หรือผู้เล่นที่มีผลงานดีที่สุดในเมเจอร์ทั้ง 5 รายการ โดยเฉือนชนะเนลลี คอร์ดา โปรสาวอเมริกันมือ 1 ของโลก แชมป์วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปียนชิป และเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ไปได้ ถือเป็นการคว้ารางวัลนี้เป็นครั้งแรกของเธออีกเช่นกัน และเป็นนักกอล์ฟสาวไทยคนที่ 2 ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ที่ได้รางวัลนี้ในปี 2018

ฮอตไม่แพ้กัน “โปรจีน” ร้อนแรงสุดๆ

นักหวดวงสวิงสาวไทยอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล ในปีนี้เป็นปีแรกของการออกทัวร์อาชีพเต็มตัว ซึ่งอาฒยา เจ้าของสถิตินักกอล์ฟอายุน้อยสุด ที่คว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพ ด้วยวัย 14 ปี 4 เดือน 19 วัน ก็บันทึกสถิติใหม่ให้วงการกอล์ฟโลกของทัวร์ เลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ ได้อีกครั้ง กับการคว้ารางวัลมือ 1 ที่อายุน้อยสุดในวัย 18 ปี นอกจากนี้ “โปรจีน” ยังคว้าอีก 2รางวัล คือ นักกอล์ฟดาวรุ่งยอดเยี่ยม และรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม

ส่วนผลงานและสถิติอันยอดเยี่ยมของสาวน้อยมหัศจรรย์ที่ส่งผลให้ก้าวกระโดดจากอันดับ 275 ขึ้นมาอยู่อันดับ 18 โลก ตลอดปีนี้ ติดอันดับท็อป 10 ทั้งหมด 15 จาก 18 รายการ ทำอีเกิล และเบอร์ดี้ ได้มากที่สุด โดยในจำนวนนี้เป็นการคว้าแชมป์

2 รายการ ทิปสปอร์ต เช็ก เลดีส์ โอเพ่น และวีพี แบงค์ สวิส เลดีส์ โอเพ่น และรองแชมป์ 4 รายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์, อารัมโก ทีม ซีรีส์, ทรัสต์ กอล์ฟ วูเมนส์ สกอตติช โอเพ่น และอรัมโก ซาอุดี เลดีส์ อินเตอร์เนชันแนล

และล่าสุด อาฒยายังผ่านการคัดเลือกได้ไปเล่นแอลพีจีเอทัวร์ ฤดูกาลหน้า กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 8 ต่อจาก “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ, “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล, “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, “โปรจูเนียร์” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ, “โปรแจน” วิชาณี มีชัย และ “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ ที่ได้สิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว

“บาส–ปอป้อ” ฟอร์มหรู ปีนี้กวาด 8 แชมป์

ในวงการแบดมินตันโลกชั่วโมงนี้ ไม่มีใครฮอตไปกว่า “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย แล้ว เมื่อคู่ผสมไทยคู่นี้ สร้างผลงานที่แรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ ด้วยการกวาดแชมป์มาได้ 8 รายการในปีนี้ และ 5 รายการต่อเนื่องล่าสุด ได้แก่ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น, โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น, เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์, ไฮโล โอเพ่น, อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส, อินโดนีเซีย โอเพ่น, เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ และชิงแชมป์โลก

ตลอดปีนี้ ลงแข่งขัน 12 รายการ 56 แมตช์ ชนะ 50 แพ้ 6 และทำสถิติชนะรวด 25 แมตช์ ส่งผลให้คู่ผสมของไทย ขยับจากอันดับ 2 ของโลก ขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ของโลก แซง เจิ้ง ซิ เว่ย กับหวง หย่า เฉียง คู่ผสมของจีน จากการจัดอันดับโลกอย่างเป็นทางการ

สำหรับเดชาพลกับทรัพย์สิรี ที่เริ่มจับคู่กันเมื่อปี 2015 ไต่อันดับโลก จากอันดับ 345 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2015 จากนั้นปี 2016 (7 มกราคม) อยู่อันดับ 148, ปี 2017 (5 มกราคม) อันดับ 11, ปี 2018 (4 มกราคม) อันดับ 10, ปี 2019 (8 มกราคม) อันดับ 5, ปี 2020 (14 มกราคม) อันดับ 3, ปี 2021 (2 กุมภาพันธ์) อันดับ 2 และปี 2021 (7 ธันวาคม) อันดับ 1 โดยระยะเวลา 6 ปีที่เล่นด้วยกันมา คว้ามาได้ทั้งหมด 12 แชมป์ และ 11 รองแชมป์

เป็นผลงานที่ต้องยกนิ้วให้เลย

ทั้งหมดนี้ที่เรารวบรวมเอาไว้ เป็นโมเมนต์โดนใจที่กีฬาปลุกจิตใจที่ห่อเหี่ยว ทำให้คนไทยยังพอมีรอยยิ้มได้บ้าง ไม่ต้องตึงเครียดกับการใช้ชีวิตที่ไม่แน่นอนตลอดเวลา

ได้แต่หวังไว้ว่า เข้าสู่ปีหน้า 2565 เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ แฟนกีฬาทั่วประเทศจะเชียร์นักกีฬาไทยกันได้สนุกกว่าที่เป็นอยู่

ความสำเร็จจะมีตามมามากกว่าเดิม

อีกหลายเท่า...

กราวกีฬาไทยรัฐ

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( 5 โมเมนต์ กระแทกใจ กีฬา ปลุกคนไทย ยิ้มได้ - ไทยรัฐ )
https://ift.tt/3sM3afZ
กีฬา

Bagikan Berita Ini

0 Response to "5 โมเมนต์ กระแทกใจ กีฬา ปลุกคนไทย ยิ้มได้ - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.