
เจ้าของทีมกีฬาทั่วโลกหลายคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นต่อทีมของตนได้มากหรือน้อยก็ตามที่เขาต้องการ
แต่สำหรับกองเชียร์ ลิเวอร์พูล บางส่วนอาจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงจาก จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ เฉพาะตอนที่เขาออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์เรื่อง ซูเปอร์ลีก เมื่อเดือนเมษายน
ส่วนแฟน ๆ คนอื่น ๆ อาจไม่ได้สนใจอะไร เพราะขอแค่ให้ท่านเจ้าของบริหารทีมในลักษณะที่เป็นไปตามอุดมคติของพวกเขาก็พอแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการที่ เฮนรี่ ไม่ค่อยได้ให้สัมภาษณ์เท่าไหร่นัก
จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจกับความหมายที่เขาแสดงความเห็นออกผ่านทางสื่อสาธารณะ
...
เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ เฮนรี่ พูดสั้น ๆ กับนักข่าวใน บอสตัน ระหว่างที่เขาเฉลิมฉลองความสำเร็จของ บอสตัน เร้ด ซ็อกซ์ อีกหนึ่งขั้น
แม้ว่าเขาจะพูดถึงอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟุตบอล
ทว่าเราสามารถตีความได้กับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน
เร้ด ซ็อกซ์ เพิ่งเอาชนะ เทมป้า เบย์ เรย์ส และรักษาพื้นที่ในศึก อเมริกัน ลีก แชมเปี้ยนชิพ ซีรีย์ส ไว้ได้ ซึ่งในรอบต่อไปจะเจอกับ ฮุสตัน แอสโตรส์
ผู้ชนะซีรีย์จะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดใน 4 จาก 7 เกม และหาก เร้ด ซ็อกซ์ ผ่านไปได้ จะเป็นครั้งที่ 5 ที่พวกเขาเข้าสู่ เวิลด์ ซีรีย์ส(ชิงชนะเลิศ) ภายใต้ยุค จอห์น เฮนรี่ ซึ่งมากที่สุดเหนือกว่าทีมอื่น ๆ เมื่อนับเฉพาะนับตั้งแต่เขาเข้ามาเป็นเจ้าของทีมนี้เมื่อปี 2002 (ซาน ฟรานซิสโก ไจแอนท์ส อาจทำได้ 5 ครั้งเช่นกัน หากเข้าถึงรอบนี้ได้ในปีนี้)
ถึงกระนั้น มีไม่กี่คนหรอกที่คิดว่า เร้ด ซ็อกซ์ จะทำผลงานได้ดีเหมือนที่เกิดขึ้นจริงในปีนี้
FiveThirtyEight เว็บไซต์ที่วิเคราะห์ตัวเลขความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ต่าง ๆ เคยทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่า เร้ด ซ็อกซ์ จะจบที่ 4 ของตารางดิวิชั่นด้วยชัยชนะ 80 นัด
ทว่าถึงตอนนี้พวกเขาคว้าชัยไปแล้ว 92 เกม และจบด้วยตำแหน่งอันดับ 2 ของดิวิชั่น ไม่ใช่อันดับ 4
ยิ่งไปกว่านั้น เร้ด ซ็อกซ์ ยังถูกคาดการณ์ว่ามีโอกาสคว้าแชมป์ เวิลด์ ซีรีย์ แค่ 1 % ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันในปีนี้
แล้วก็นั่นแหละ ถึงตอนนี้โอกาสของพวกเขาเหลือแค่ 1 ใน 7
การทำงานอันชาญฉลาดในตลาดซื้อขายช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จอย่างมาก
และสิ่งต่าง ๆ ก็เกิดผลรวดเร็วกว่าที่ใคร ๆ คาดไว้
"เรารู้สึกมาตลอดทั้งปีว่าเรามาถึงตรงนี้เร็วกว่ากำหนด" เฮนรี่ เผยกับ MassLive
จากตอนให้สัมภาษณ์นั้น เฮนรี่ กล่าวชื่นชมถึง 2 กำลังสำคัญอย่าง เชม บลูม หัวหน้าเจ้าหน้าที่ และ อเล็กซ์ โคร่า ผู้จัดการทีม
ถ้าเทียบกัน 2 คนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับที่ ลิเวอร์พูล มี ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ กับ เจอร์เก้น คล็อปป์
แต่ตอนที่ โคร่า เข้ามาที่นี่ เขาถูกแต่งตั้งพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
ชายวัย 45 ปีคือหนึ่งในทีมงานสตาฟฟ์ของ แอสโตรส์ ตอนปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่พวกเขาได้แชมป์ เวิลด์ ซีรีย์ส แต่ถูกตรวจพบว่ามีการโกงเกิดขึ้น
แม้ว่าการนำ โคร่า เข้ามาสู่ทีมจะถูกโจมตีจากทุกแขนง แต่ เฮนรี่ ไม่ได้สนใจฟังเสียงจากคนภายนอก
สิ่งนี้เองสะท้อนให้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนสิงหาคม ตอนที่สโมสรไม่ได้ลงมือทำในช่วงตลาดซื้อ-ขายมากเท่าที่ควรเพราะต้องมีการคิดแบบละเอียดถี่ถ้วน
"เรารู้ดีว่าในโลกโซเชียล มีเดีย เราไม่ค่อยถูกอกถูกใจใครเท่าไหร่ แต่เราก็จะไม่ซื้อตามใจใครด้วยเหตุผลไม่เหมาะสม"
แน่นอน คำพูดนี้เชื่อมโยงมาที่การต่อสัญญา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างไม่ต้องสงสัย ประเด็นนี้บรรดาเดอะ ค็อป ต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ
และอาจรวมถึงการที่สโมสรไม่ซื้อขายเข้ามานอกเหนือจาก อิบราฮิม่า โกนาเต้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เอฟเอสจี มีตัวเลขค่าเหนื่อยในใจสำหรับดาวเตะไอยคุปต์ แม้เสียงเรียกร้องจาก ทวิตเตอร์ มีมาก แต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจในเรื่องนี้
ต่อเรื่องการคว้าผู้เล่นหน้าใหม่ จากการประชุมที่ เอียน เกรแฮม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย เข้าไปร่วมงานของ StatBomb
เขาบอกว่าการซื้อขายที่จบลงแบบล้มเหลว มันมีเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ กันออกไป ซึ่งสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 7 เรื่องย่อย ๆ ดังนี้
- ผู้เล่นชุดปัจจุบันดีกว่าผู้เล่นที่จะเข้ามาใหม่
- ผู้เล่นคนนั้น ๆ ไม่ได้ดีเท่าที่คิดไว้ในตอนแรก
- ผู้เล่นคนนั้น ๆ ไม่เข้ากับสไตล์การเล่นของทีม
- ผู้เล่นคนนั้น ๆ ไม่ได้เล่นตำแหน่งของตัวเอง
- ผู้จัดการทีมไม่ได้สนใจผู้เล่นคนนั้น
- ผู้เล่นคนนั้น ๆ มีปัญหาเรื่องร่างกาย
และ ผู้เล่นคนนั้น ๆ มีปัญหาส่วนตัว
ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ เกรแฮม อาทิ วิลเลี่ยม สเปียร์แมน, ทิม วาสเก็ตต์, ดาฟีดด์ สตีล, มาร์ค ฮาวเล็ตต์ และ มาร์ค สตีเวนสัน จะช่วยระดมสมอง วิเคราะห์จากข้อมูลก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะลงทุนซื้อผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา
ซึ่งการที่ ลิเวอร์พูล จะคว้าคนใดคนหนึ่งเข้ามาเป็นนักเตะใหม่นั้น ก็ต้องได้รับไฟเขียวจากการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
อย่างไรก็ดี จะว่า เฮนรี่ ไม่ให้ความสำคัญต่อแฟน ๆ ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
เขายอมรับว่าการมีส่วนร่วมของแฟน ๆ เร้ด ซ็อกซ์ มีผลอย่างมากต่อผลงานของทีมในเวลานั้น
"จากจุดที่เราเริ่มมีแฟน ๆ กลับมาตอนเดือนตุลาคม มันเป็นสิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"
ตัดมาที่ ลิเวอร์พูล ก็เช่นกัน
ฤดูกาลก่อน พวกเขาเคยแพ้เกมที่ แอนฟิลด์ ติดกันในลีก 6 นัด ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรภายใต้การลงเล่นที่ไร้ เดอะ ค็อปในสนาม
ทั้งที่สถิติเกมในบ้านตลอด 4 ปีครึ่งก่อนหน้านั้นตอนที่มีแฟนบอล แข่งไป 63 ชนะ 53 เสมอ 10 และไม่แพ้ใครเลย
...
เอฟเอสจี พา เร้ด ซ็อกซ์ ยุติการรอคอยแชมป์ เวิลด์ ซีรีย์ 86 ปี และมาทำได้กับ ลิเวอร์พูล ที่รอแชมป์ พรีเมียร์ลีก มากว่า 3 ทศวรรษ
ครั้งล่าสุดที่ เร้ด ซ็อกซ์ ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นก่อนหน้าที่ ลิเวอร์พูล ครองแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก แค่ 7 เดือน
ดังนั้นจึงเห็นว่าทั้งสองทีมนี้สามารถประสบความสำเร็จได้พร้อม ๆ กัน และ เฮนรี่ ก็มีจุดยืนของตัวเองในการบริหารทีมกีฬาให้ประสบความสำเร็จ
หาก เร้ด ซ็อกซ์ เกิดคว้าแชมป์ เวิลด์ ซีรีย์ส ปีนี้ขึ้นมา จับตาดูว่าในเดือนพฤษภาคมปีหน้า จะเกิดอะไรขึ้นกับ ลิเวอร์พูล
Ref. LiverpoolEcho
HOSSALONSO
อ่านบทความและอื่น ๆ ( จุดยืนเจ้าของทีม และทิศทางตลาดนักเตะ - สยามกีฬา )https://ift.tt/3BH4Vww
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "จุดยืนเจ้าของทีม และทิศทางตลาดนักเตะ - สยามกีฬา"
Post a Comment