คีย์แมนกีฬาไทยสู่คอนเนกชั่นกีฬาโลก - เดลีนีวส์

สมัยเป็นหนุ่มกระทง ย่างก้าวสู่รั้วการทำข่าวกีฬามาใหม่ๆ เมื่อช่วง 20 ปีที่แล้ว ผมแทบไม่รู้เลยว่าเหล่า “บิ๊กกีฬา” ที่สื่อสายกีฬาใช้เรียกขานแต่ละท่านนั้น ใครเป็นใครกันบ้าง กระทั่งใช้เวลาการเรียนรู้งานได้สักระยะก็ได้ประจักษ์ชัดเจนว่าเหล่าบิ๊กๆ นั้นคือใคร เพราะบางบิ๊กก็เป็นของจริง บางบิ๊กก็ของปลอม

ซึ่งบุคคลที่สามารถเรียกเป็น “ผู้มีบารมี” หรือ “คีย์แมน” หรือ “กูรู” แห่งวงการกีฬาตัวจริงเสียงจริงนั้น เบอร์หนึ่งแห่งยุทธจักรย่อมเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

“บารมี” ของ “พ่อบ้านอัมพวัน” แห่งย่านสี่เสาเทเวศร์ ไม่ได้จำกัดแค่วงการกีฬาไทยเท่านั้น แต่ยังครอบคุลมไปถึงระดับนานาชาติด้วย การที่เป็นชายชาติทหาร พูดคำไหนคำนั้น รักน้องไม่ฟ้องนายไม่ขายเพื่อน ทำงานด้วยหลักการและเหตุผล ที่สำคัญคือยึดประโยชน์ชาติและนักกีฬา เป็นที่ตั้ง ดังนั้นเมื่อพูดอะไรไปแล้วคนก็ต้องฟังด้วยความเชื่อมั่นเชื่อถือ

“บิ๊กจา” ยังเป็นหนึ่งใน “คีย์แมน” ที่ร่วมผลักดันให้มี “กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” ขึ้นมา จนทำให้นักกีฬาทีมชาติไทย ที่ไปสร้างผลงานให้กับประเทศชาติ สามารถลืมตาอ้าปากได้จนถึงทุกวันนี้ นั่นจึงทำให้ “บิ๊กจา” คีย์แมนกีฬาไทย กลายเป็นที่รักและเคารพและยืนหยัดอย่างสง่างามมาจนทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม วันเวลาเปลี่ยนผ่าน วัฏจักรของวงการกีฬาทั้งกีฬาไทยและกีฬาโลก ก็หมุนเปลี่ยนตามไปอย่างหลีกเลี่ยง จากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ จากรุ่นคนรุ่นเก่าสู้คนรุ่นใหม่ นั่นคือธรรมชาติของทุกสิ่ง

ในวงการกีฬาไทยตอนนี้ “คีย์แมน” ที่ถูกกล่าวถึงอันดับต้นๆ นั้นมีไม่กี่คน ที่มีผลงานเข้าตามากที่สุดก็น่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “คุณหญิงไอโอซี” คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นั่นเอง

ปัจจุบันตำแหน่งในสังคมของคุณหญิงปัทมามีมากมาย แต่กับวงการกีฬาที่คุ้นหูก็คือ กรรมการ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์), ประธานคณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรมและมรดกโอลิมปิกของไอโอซี, สมาชิกคณะกรรมาธิการกองทุนสงเคราะห์โอลิมปิกระหว่างประเทศของไอโอซี, กรรมการบริหาร สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ), ประธานคณะกรรมการด้านวัฒนธรรม, โอซีเอรองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก, กรรมการบริหาร คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ

“หัวโขน” ที่ได้ไล่เรียงมาแบบยาวเหยียดเกียรติเมืองตรังนี้ ไม่ได้เขียนไว้แค่โก้หรู หรือใส่ไว้ให้เท่ๆ เท่านั้น แต่ตลอดเวลาการเข้าสู่วงการกีฬาของ “คุณหญิงปัทมา” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นผู้ที่อุทิศตนให้กับกีฬาอย่างแท้จริง

ยังจำกันได้ไหมก่อนศึกโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล จะเริ่มขึ้น ใครกันที่ทุ่มหมดหน้าตักเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จนทำให้ “น้องเมย์” รัชกนก อินทนนท์ นักแบดมินตันหญิงมือ 1 ของไทย พ้นมลทินเรื่องการใช้สาระกระตุ้นและเข้าร่วมชิงชัยใน “รีโอเกมส์” ได้สำเร็จ

เช่นเดียวกับประเด็นของ “นักยกเหล็กไทย” ที่พัวพันกับเรื่องยาโด๊ป จนโดนโทษแบน คุณหญิงปัทมา ก็เข้าไปร่วมด้วยช่วนกันกับทีมงานของสมาคมกีฬายกน้ำหนักไทย จนพา “จอมพลังไทย” ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ และใน “ปารีสเกมส์ 2024” ที่ฝรั่งเศส ในปีอีก 3 ปีข้างหน้า คนไทยน่าจะได้ลุ้นฉลองเหรียญจาก “จอมพลังไทย” เหมือนที่เคยได้เฮกันอีกครั้ง

นอกจากนี้ ไอโอซีหญิงหนึ่งเดี่ยวของไทย ยังเป็นแม่ง่านงานใหญ่ผลักดันให้ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดแบดมินตันระดับโลก 3 รายการใหญ่ ในคราวเดียวกัน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนได้รับเสียงชื่นชมไปทั่วโลกและเป็นต้นแบบนิวนอร์มัลของกีฬาโลกอีกด้วย

นอกจากนี้ยังเป็นคนสำคัญที่ผลักดันให้ไทยลุ้นเป็นเจ้าภาพกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ในอนาคตนี้ ซึ่งการเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับโลกนั้น นอกจากความพร้อมของเจ้าภาพ การสนับสนุนของผู้นำประเทศ ความร่วมมือองค์กีฬาที่เกี่ยวข้องและคนในชาติอย่างจริงจังแล้ว “กำลังภายใน” ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการชี้ขาดของไอโอซีด้วย

ล่าสุด มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง คุณหญิงปัทมา ใช้เวลาร่วมเดือน เพื่อทำงานประสานสัมพันธ์กับเหล่าคีย์แมนกีฬาระดับโลก และหลังจบ “โตเกียวเกมส์ 2020” แล้ว เธอยังต้องอยู่ร่วมพาราลิมปิกเกมส์ 2020 เพื่อร่วมให้กำลังใจทัพพาราลิมปิกไทย จนจบงาน

“คอนเนกชั่นระดับโลก” ที่คุณหญิงปัทมา สร้างขึ้นนี้ ไม่ใช่ว่าสร้างกันง่ายๆ ที่ต้องทุ่มเทด้วยใจที่แน่วแน่ และแน่นอนว่าเครดิต ชื่อเสียง และเกียรติยศ “คุณหญิงปัทมา” ย่อมได้รับไปเต็มๆ

แต่เหนื่ออื่นใด สิ่งที่จะตามมาก็คือ ประโยชน์อันมหาศาลที่จะเกิดขึ้นกับประเทศและวงการกีฬาไทยในอนาคตนั่นเอง