18 เดือนที่แฟนๆหายหน้าไปจากสนามเพราะโควิด...นีคือเกมแรกในแอนฟิลด์ ที่เดอะ ค็อป เข้ามาเต็มความจุ
ปีก่อนมีการพูดกันว่าบางทีการเล่นแล้วไม่มีแฟน พลังมันก็หายไป โดยเฉพาะแทกติกการเล่นบอลเพรสซิง แบบเจอร์เก้น คล็อปป์
ดังนั้นการแพ้คาบ้านเป็นซีรีส์หกนัดติดพอเป็นข้ออ้างได้ โดยเฉพาะการที่โดนเบิร์นลีย์ บุกมาหยุดสถิติ 68 นัดไร้พ่ายในแอนฟิลด์ลงได้
ดังนั้นเกมนี้...ต้อนรับเบิร์นลีย์ ต่อหน้าแฟนๆ คงต้องมีอะไรพิเศษหน่อย เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่า "ยินดีต้อนรับกลับสู่สนาม... พวกเราคิดถึงพวกคุณจนแทบเป็นบ้าเลย"
นัดแรกในแอนฟิลด์ ที่แฟนบอลเต็มความจุสนามหลังการแพร่ระบาดโควิด19
กีดกันแฟนๆและสังคมฟุตบอลออกจากกัน วันนี้รัฐบาลอังกฤษทำตามแผนงานจนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จากการฉีดวัคซีนให้พี่น้องประชาชนจนกระทั่งเปิดประเทศได้ รวมทั้งต้อง"รักษาสมดุล" ระหว่าง เศรษฐกิจและสุขภาพไปพร้อมๆกัน
ส่วนของแฟนบอลเราๆท่านๆก็ไม่แตกต่างกัน เราย่อมคิดถึงเกมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเสียงเชียร์ ของแฟนบอล ที่เกมกีฬาไม่สามารถขาด "แฟนกีฬา" หรือเหล่ากองเชียร์ไปได้โดยเด็ดขาด เพราะทั้งคุณค่าและมูลค่า มันเกิดขึ้นจากแฟนบอลนั่นแหละครับ
ก่อนแข่ง...ที่แอนฟิลด์ ก็มีเรื่องราวให้แฟนบอลร่วมกันแสดงความไว้อาลัยต่อเดอะ ค็อป ผู้จากไปอีกหนึ่งคน อันเกิดจากเหตุการณ์ที่ฮิลส์โบโร นั่นเอง RIP....แอนดรูว์ เดไวน์
ก่อนเกมมีการแปรอักษรเลข 97 ไว้อาลัยเดอะ ค็อป ที่เสียชีวิตเมื่อ 27 ก.ค. เดอะ ค็อปคนนี้ ชื่อ แอนดรูว์ เดไวน์ คือหนึ่งในแฟนบอลที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล
เขาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คลื่นแฟนบอลถาโถมจนรั้วสนามฮิลส์โบโรพังเมื่อ 15 เม.ย. 1989 ศึกเอฟเอ คัพรอบรองชนะเลิศกับนอตติงแฮม ฟอเรตส์ อย่างที่ทราบกันดีว่าแฟนบอลเสียชีวิตในสนาม 94คน +1 จากเหตุการณ์นั้นสี่วัน+1 นอนโคม่าอีกสี่ปี เป็น 96 คน
กรณีของ เดไวน์ นั้นเขาบาดเจ็บที่บริเวณหน้าอกจากการโดนกระแทกอย่างรุนแรง สมองขาดอ๊อกซิเจน อยู่นานอาการเดียวกันกับ โทนี แบลนด์ ที่นอนโคม่าสี่ปี
โดยแพทย์บอกกับครอบครัวของ เดไวน์ หลังจากเขารอดชีวิตใน 24 ชั่วโมงแรกว่า "อยู่ได้อีกแค่หกเดือน" ช่วงนั้นพ่อและแม่ของเดไวน์ จ้างพยาบาลดูแลเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง
จากนั้น 6 เดือนต่อมา เดไวน์ ยังมีชีวิตอยู่ได้ปกติ แพทย์ ระบุว่า "ไม่มีใครรอดชีวิตจากการบาดเจ็บในลักษณะเดียวกันนี้นานถึง 8 ปี"
เมื่อครั้งลิเวอร์พูลฉลองแชมป์ยุโรปปี 2019 เจมส์ มิลเนอร์ บอกให้รถบัสจอดบริเวณถนนหน้าบ้านคุณพ่อและคุณแม่ของ เดไวน พร้อมชูถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีกเพื่อให้ร่วมดีใจด้วย
นั่นคือภาพที่สร้างความประทับใจให้กับสาวกเดอะ ค็อป อย่างยิ่ง
ก่อนเกมกับเบิร์นลีย์ บนอัฒจันทน์มีการแปรอักษรเลข 97 นักเตะและแฟนบอลยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้ เดไวน์ ก่อนเกมเริ่มทางเดินมุมหนึ่งของแอนฟิลด์เปลี่ยนจาก 96 เป็น 97 avenue ปีหน้าคอเสื้อด้านหลังจะปักเลข97
นี่คือส่วนหนึ่งใน "ครอบครัว" ลิเวอร์พูล ที่แฟนบอลทุกคนนั้นมีความสำคัญต่อสโมสรอย่างแท้จริง
นี่คือรากแก้วทางวัฒนธรรมฟุตบอลที่ต่างฝ่างต่างช่วยกัน "สร้าง" มาจนฝังลึกยึดให้ลำต้นฟุตบอลอาชีพตั้งตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่ว......
ว่ากันถึงเรื่องแทกติกและการเล่นเกมนี้
1 แดนกลาง "ชั่วคราว"
คงต้องชั่วคราวละครับ...หลังจากเกมแรก เจเค ใช้ มิลเนอร์, เกอิตา, อ๊อกส์เลด แชมเบอร์เลน เกมนี้ส่งกัปตันเฮนโด ลงเล่นเพื่อ "แมตช์ ฟิตเนส" ร่วมกับ เกอิตา พร้อมทั้ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ดาวรุ่งที่ช่วงอุ่นเครื่องนั้นเล่นกองกลางเกือบทุกนัดกับ เกอิต้า และ มิลเนอร์ ถ้าแดนกลางที่มองว่าดูดีสุดอยากเห็นคงเป็น เฮนโด, ฟาบินโญ และ ติอาโก้ อัลคันทารา
แน่นอนแดนกลางชุดนี้ เฮนโด ลงเล่นเพื่อต้องการเกมแข่งขัน ส่วนเกอิตา กับ เอลเลียตต์ นั้นฟิตเปรี๊ยะอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ประเมินแดนกลางชุดชั่วคราว เล่นกับทีมกลุ่มทอป อันนี้น่าเป็นห่วง แต่ถ้าเล่นทีมกลุ่มกลางตาราง ยังพอแก้ขัดได้
2 เกมด้านข้าง เบิร์นลีย์
สไตล์เบิร์นลีย์ อย่างที่รู้กัน เล่นบอลไดเรกต์ จากแดนหลังไปหน้า, จากแดนสองแดนสามเร็ว โดยเฉพาะบอลด้านข้างทั้ง early cross หรือจะเปิดสุดเส้นหลังเข้ากลาง คือทีเด็ดของพวกเขา เพราะเป้าคือ แอชลีย์ บาร์นส์ กับ คริส วูด ถือว่ากดดันกองหลังและ อลิสซง เบคเกอร์ได้อยู่ มีลูกเหวอให้เห็นด้วย เบคเกอร์ แต่พอครึ่งหลังก็ทำอะไรไม่ได้ถนัดเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้โอกาสบุก
3 เอลเลียตต์ "พอใช้ได้"
ถ้าจะเอาแบบขึ้นชั้นมาเล่นให้ได้เลย คงต้องปรับปรุงบางจุด อย่างเช่น วิธีการเข้าบอล ครึ่งแรกโดนขุนพลเบิร์นลีย์ บวกหลายดอกเล่นเอากระเด็นกระดอน นี่แหละลีกใหญ่ของประเทศ ท้ายครึ่งแรกมีจังหวะจ่ายได้เสียหนึ่งครั้ง โชคร้าย ซาลาห์ ล้ำหน้าไปก่อน น้ำหนักการส่งบอลขาดและเกินไปบ้าง มีลูกครอสให้ ซาลาห์ ครึ่งหลังถือว่าดีขึ้น น่าจะเริ่มปรับจังหวะการเล่นได้ จน มีส่วนร่วมกับลูกที่สอง จุดเด่นคือกล้าเล่นและความมุ่งมั่นสูง แต่ด้วยความเป็นดาวรุ่ง และเล่นตำแหน่งที่ไม่ถนัด ภาพรวมคือสอบผ่าน
4 กัปตันเฮนโด้ ตัวซ้อน
แน่นอนหมากเกมรุกด้านขวาของลิเวอร์พูล มี เทร้นต์ เติมตลอดเวลา เฮนเดอร์สัน จึงต้องถอนลงมาคุมพื้นที่หรือสอดซ้อนตำแหน่งของ ในจังหวะที่เทร้นต์ เติมเกมรุกเพื่อให้บุกอย่างสบายใจไม่ต้องพะวงหลังมากมายนัก
5 กับดักล้ำหน้า
จุดหนึ่งที่การรุกของเบิร์นลีย์ ภาคอากาศไร้ผล เพราะเจอการเช็คล้ำหน้าของแผงหลังที่มี ฟานไดจ์ จัดการคุมเกมรับ จุดนี้ทำให้เบิร์นลีย์ สะดุดไป โดยเฉพาะครึ่งหลังนี่ มียิงเข้าด้วย แต่ก็ล้ำหน้าแอชลีย์ บาร์นส์ แต่บอลแดนสามของเบิร์นลีย์ ไปต่อไม่ได้เพราะ "ล้ำหน้า" บ่อยครั้งเกิน รวมๆแล้วเกือบสิบครั้งในเกม
6 เกมรุกหงส์หลากหลาย
*สามตัวทำข้างหน้า โชต้า, มาเน และ ซาลาห์ สลับกันไปยืน "ฟอลส์ ไนน์" ตามจังหวะของเกมได้ ถ้า มาเน ไปยืนตรงนั้น โชต้า คือดรอปลงมาตรงกลาง หรือ ถ้า ซาลาห์ เข้าไปตรงนั้น โชต้า ถอนมาเป็นหน้าต่ำ ส่วนตัวข้าง เอลเลียตต์ ก็ไปแทนที่ว่างของ ซาลาห์ ได้
*บอลด้านข้างจากซ้ายและขวา โดยฟูลแบ๊กสองฝั่ง มาได้ผลประตูแรก 1-0 จาก ซิมิกาส ได้บอลจากเกอิต้า แล้วครอสเข้ามาจุดนัดพบ เบน มี เจอ โชต้า โฉบตัดหน้าโหม่งสะบัดสวยงาม
*บอลหน้าไลน์เกมรับ โชตา, มาเน, เอลเลียต เล่นหน้าคู่เซนเตอร์ ทราคอฟสกี้ กับ มี จังหวะบอลหนึ่งสอง แล้วจบด้วยการลุ้นยิงประตูได้หลายครั้ง กล้าเล่นแบบนี้เพื่อเจาะรถบัสของเบิร์นลีย์
*รุกจากแดนหลังคือ จังหวะ 2-0 จากเฮนโด ฝากให้ ฟานไดจ์ สวิทช์บอลข้ามฟากให้ เอลเลียตต์ จังหวะนั้นมี ซาลาห์ อยู่ใกล้ๆผู้เล่น เกมรับเบิร์นลีย์ เทไปหาสองสามคน เอลเลียตต์ พักอกแล้วไหลให้ เทรนต์ ตวัดบอลเร็วให้ มาเน ว่างๆในเขตสับไกยิงเข้าไป เป็นทีมโกล ที่นักเตะ 5 คนมีส่วนร่วม
ชัยชนะเกมแรกในแอนฟิลด์ต่อหน้าแฟนบอลน่าจะเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลนี้ด้วยความมั่นใจ
ส่วนเรื่องของเกมการเล่นแค่นัดที่สอง มีอะไรต้องปรับปรุงหลายจุดเพราะนี่คือสองเกมที่เจอทีมที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่นั่นคงไม่น่าสนใจมากกว่าการคว้าสามแต้ม
คว้าชัยชนะให้ได้ ซึ่งเกมลักษณะนี้ปีที่แล้วนี่แหละที่เสียแต้มเป็นว่าเล่น
แน่นอนการได้ต้อนรับแฟนบอลกลับคืนสนาม การได้ขุมกำลังตัวหลักที่พร้อม กลับมาจากอาการบาดเจ็บ สองแรงบวกที่น่าจะทำให้การไล่เก็บคะแนนของลิเวอร์พูล จะต้องดีกว่าปีที่แล้ว
Jackie
อ่านบทความและอื่น ๆ ( สามแต้ม...เบาๆ - สยามกีฬา )https://ift.tt/3k7juSs
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สามแต้ม...เบาๆ - สยามกีฬา"
Post a Comment