หลังจบบอลยูโร 2020 ในคืนวันอาทิตย์นี้แล้ว
โฟกัสของวงการกีฬาโลกจะพุ่งเป้าไปที่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิกเกมส์ 2020” ที่กรุงโตเกียว ซึ่งกำลังจะเปิดฉากชิงชัยกัน ระหว่างวันที่ 23 ก.ค. ถึงวันที่ 8 ส.ค.อย่างไม่ต้องสงสัย
ข่าวแนะนำ
ในส่วนของทัพนักกีฬาไทยชุดใหญ่ กำหนดออกเดินทางสู่แดนอาทิตย์อุทัยในปลายสัปดาห์หน้าวันศุกร์ที่ 16 ก.ค.
โดยก่อนหน้านั้นนักกีฬาวินด์เซิร์ฟและเรือใบ จะเป็นชุดแรกของไทยที่เดินทางไปก่อน ตั้งแต่ช่วงดึกวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.นี้เลย
“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทยชุดสู้ศึกโตเกียวเกมส์ ยอมรับว่าโอลิมปิกเที่ยวนี้จะแตกต่างจากครั้งอื่นๆ อย่างแน่นอน เพราะจัดขึ้นท่ามกลางวิกฤติ “สงครามโรค” โควิด-19 ที่กำลังคุกคามไปทั่วสารทิศ
แต่ก็ยังมั่นใจศักยภาพโดยรวมของนักกีฬาไทย ที่น่าจะมีดีพอที่จะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกกลับบ้านได้ในที่สุด
โดยเฉพาะ “เหรียญทอง” ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของแฟนกีฬาชาวไทยทุกคน ลึกๆแล้วแอบหวังไว้ว่า เราน่าจะได้มาชื่นชมกับเขา (อีกครั้ง) อย่างน้อยสัก 1 ทองก็ยังดี
ซึ่งคอกีฬาบ้านเรา..รอชมและเชียร์โอลิมปิกเที่ยวนี้ผ่านการถ่ายทอดสดกันได้ ทาง 6 ช่องฟรีทีวี ได้แก่ ช่อง ThaiPBS (หมายเลข 3) , ช่อง NBT (หมายเลข 2), ช่อง PPTV (หมายเลข 36) , ช่อง JKN (หมายเลข 18) , ช่อง True4U (หมายเลข 24) และ ช่อง GMMTV (หมายเลข 25)
นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมเพิ่มเติมได้ทางช่องดาวเทียม T-Sports (ช่อง 91) และทาง AIS PLAY ซึ่งจะยิงสดให้ดูกันอย่างเต็มอิ่ม 17 วันเต็มๆ ของการแข่งขัน ตั้งแต่พิธีเปิดสนาม ยันถึงปิดสนามกันเลยทีเดียว
หลายคนถามว่า เอ้า! แล้วแพลนที่ภาครัฐจะเปิดช่องดิจิทัลทีวีกีฬาขึ้นมาใหม่ ใน “ช่องหมายเลข 7” เพื่อมารองรับโอลิมปิกเที่ยวนี้ล่ะ..
ยังมีอยู่หรือเปล่า? เห็นข่าวคราวเงียบหายไปเลย
เรื่องนี้ผมได้ลองไปสอบถามแหล่งข่าวใกล้ชิดของการกีฬาแห่งประเทศไทยดูแล้ว ได้รับการยืนยันว่าการตั้งทีวีกีฬาช่องดิจิทัล “หมายเลข 7” ยังคงดำเนินต่อไปตามแผนเดิมทุกประการ
หลังทาง กสทช.ได้ออกใบอนุญาตชั่วคราวมาให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรียบร้อยแล้ว
โดยเบื้องต้นจะเป็นการ ‘ทดลองออกอากาศ’ ระยะเวลา 6 เดือนไปก่อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ทันกับการถ่ายทอดสดโตเกียวเกมส์ ที่จะสตาร์ตในวันที่ 23 ก.ค.
และจะไปใช้ห้องส่งยังสถานที่เดิมของ “สปริงนิวส์” บนถนนวิภาวดีรังสิต เป็นฐานออนแอร์
ส่วนหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลยังคงเป็น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เช่นเดียวกับ T-Sports เหมือนเดิม
แต่คอนเทนต์และการผลิตรายการป้อนสถานีจะแตกต่างออกไป ยกเว้นรายการข่าวที่อาจจะใช้เนื้อหาร่วมกัน
เรียกว่าสถานี T-Sports เดิมก็ยังคงดำเนินการต่อไปที่ กกท.ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วน ทีวีกีฬาดิจิทัล “หมายเลข 7” ก็จะเป็นช่องใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
ซึ่งตรงนี้ทราบว่า กกท.ได้มอบให้ภาคเอกชน อย่าง “บริษัท แพลนบี”เข้ามารับผิดชอบดำเนินการทั้งหมด ภายใต้งบประมาณที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดกรอบไว้
สำหรับการบริหารงานจะเป็นรูปแบบเดียวกับ ‘ThaiPBS’ คือเป็นองค์กรที่ไม่สามารถแสวงหาผลกำไรทางธุรกิจได้ เพื่อจะได้ไม่ไปเป็นคู่แข่งขันของทางดิจิทัลทีวีช่องอื่นๆที่ต้องจ่ายค่าซื้อสัมปทานช่องด้วยตัวเลขมหาศาล
สรุปว่าทีวีกีฬารัฐมีภารกิจหลักในการถ่ายทอดสด ‘โอลิมปิกโตเกียว 2020’ รวมไปถึง ‘พาราลิมปิกเกมส์’ เป็นสำคัญ
ส่วนอนาคตหลังการทดลองออกอากาศไปแล้ว 6 เดือน สถานีแห่งนี้จะยังดำเนินการต่อไปหรือไม่?
หรือแค่ตั้งขึ้นมา ‘เฉพาะกิจ’ เพื่อรองรับลิขสิทธิ์โตเกียวเกมส์..อย่างเดียว
เชื่อว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ กกท. คงมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้ว
ถึงเวลา แถลงสวยๆ ให้สังคมได้รับทราบ..ก็แล้วกัน !!!
บี บางปะกง
https://ift.tt/3hMXf3a
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ดิจิทัลทีวีกีฬารัฐ..เฉพาะกิจ? - ไทยรัฐ"
Post a Comment