ทางการเมืองมินนิอาโปลิส (Minniapolis) ในรัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯ ยอมจ่ายเงินชดเชยจำนวน 27 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 830 ล้านบาท ให้แก่ครอบครัวของ ‘จอร์จ ฟลอยด์’ หนุ่มผิวสีซึ่งถูกนายตำรวจใช้เข่ากดคอจนเสียชีวิตระหว่างการจับกุม ซึ่งได้กลายเป็นคดีดังที่จุดกระแสประท้วงต้านความอยุติธรรมทางสีผิวทั่วสหรัฐอเมริกา
ฟลอยด์ วัย 46 ปี ถูกตำรวจผิวขาว ‘เดเร็ก ชอวิน’ จับกดลงกับพื้นและใช้เข่ากดที่คอเป็นเวลาหลายนาที หลังได้รับแจ้งว่า ฟลอยด์ พยายามใช้ธนบัตรปลอมราคา 20 ดอลลาร์ซื้อของในร้านค้าแห่งหนึ่ง โดยคลิปเหตุการณ์ขณะที่ ฟลอยด์ ร้องขอความช่วยเหลือก่อนจะหมดลมหายใจได้สร้างความโกรธแค้นต่อสังคมอเมริกัน จนนำมาสู่การประท้วงและการก่อจลาจลครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
เบนจามิน ครัมป์ ทนายของครอบครัวฟลอยด์ ระบุว่า วงเงินจำนวนนี้ถือเป็นค่าสินไหมชดเชยก่อนการพิจารณาคดีก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน สำหรับคดีที่บุคคลคนหนึ่งต้องเสียชีวิตลงจากการกระทำอันมิชอบของผู้อื่น
ค่าชดเชยมหาศาลนี้สะท้อนให้เห็นว่า การที่ตำรวจฆ่าคนผิวสี “จะไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญ และไม่มีผลกระทบใดๆ ตามมาอีกต่อไป” ครัมป์ ระบุ
บริดเจ็ตต์ ฟลอยด์ น้องสาวผู้เสียชีวิต ระบุว่า ทางครอบครัว “รู้สึกยินดีที่การต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ จอร์จ ประสบความสำเร็จไปแล้วเปลาะหนึ่ง”
ชอวิน ซึ่งถูกสำนักงานตำรวจไล่ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถูกนำตัวไปขึ้นศาลเทศมณฑลเฮนนิเพนในสัปดาห์นี้ โดยเจ้าตัวยังคงยืนกรานปฏิเสธข้อหาฆาตกรรม (murder) และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน (manslaughter) พร้อมทั้งยืนยันว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนที่ได้รับการฝึกมาทุกประการ
ปีที่แล้วญาติๆ ของ ฟลอยด์ ได้ยื่นฟ้องเอาผิดกับเมืองมินนิอาโปลิส, ชอวิน และตำรวจคนอื่นๆ ซึ่งมีส่วนพัวพันกับการตายของฟลอยด์ โดยระบุว่าตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และกระทำการอันเข้าข่ายละเมิดสิทธิพลเมืองตามรัฐธรรมนูญ
ครอบครัวของ ฟลอยด์ ได้ประกาศแบ่งเงินชดเชยจำนวน 500,000 ดอลลาร์เพื่อมอบให้แก่ชุมชนในที่เกิดเหตุ ซึ่งจนถึงขณะนี้ชาวบ้านยังไม่ยอมให้ตำรวจย่างกรายเข้าไป และมีคนนำช่อดอกไม้รวมถึงสิ่งของต่างๆ ไปวางเพื่อรำลึกถึง ฟลอยด์
ที่มา: รอยเตอร์
https://ift.tt/3lesHIY
แกดเจ็ต
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เมืองมินนิอาโปลิสจ่ายเงินกว่า '800 ล้าน' เยียวยาครอบครัว 'จอร์จ ฟลอยด์' - ผู้จัดการออนไลน์"
Post a Comment