Search

มายาคติ ของ “กาละแมร์” เมื่อ “เงินคือพระเจ้า” ••• ก็คือ - ผู้จัดการออนไลน์



“การเก็บเงินมันเป็นการกระทำที่ควบคู่กันไป แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณรวยเลย คือ คุณต้องหามันให้เก่ง หามันทุกทาง เพราะเรารู้แล้วว่าเราจะหาได้ยังไง และหาได้เท่าไร การตัดสินใจหรือการลงใจเป็นสิ่งสำคัญมาก คิดก่อนเลยว่าคุณอยากได้เท่าไร แล้วคุณอยากเอาเงินไปทำอะไร เมื่อคุณตอบตัวเองได้ เรื่องนี้มันจึงเป็นการทำบ้านกับตัวเองหนักมาก ซึ่งตัวแมร์เองเป็นคนชอบสื่อสารกับตัวเองหนักมาก และคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าคุณชอบแต่งตัวสวยไหม คุณชอบเดินทางท่องเที่ยวไหม คุณอยากเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ดีหรือเปล่า บ้านอยากอยู่แบบไหน ตอนนี้คุณอาจจะงงว่าคุณต้องตอบคำถามเยอะขนาดนี้เลยหรอ คำตอบคือ ใช่ เพราะนั่นหมายถึงการนำไปสู่ว่าคุณจะต้องเก็บเงินเท่าไรค่ะ”

ข้อความข้างต้น คือส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่พิธีกรสาวฝีปากกล้า “กาละแมร์ – พัชรศรี เบญจมาศ” เปิดใจกับ Mirror หนึ่งในคอนเทนต์ที่จับกลุ่มตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ จากไทยรัฐออนไลน์ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา


สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นจากบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ก็คือ “เป้าหมาย” ในชีวิตของ กาละแมร์ ที่ดูเหมือนจะวัดค่าด้วยตัวเลขของเงินในบัญชี มากกว่าความสุขในชีวิต ผิดวิสัยของคนที่มุ่งเดินทางสายธรรมะ ดังปรากฏในข่าวที่มีส่วนร่วมในบริจาคเงินจำนวนมากมายมหาศาลเพื่อทำนุบำรุงศาสนา ซึ่งผู้ที่ฝักใฝ่ในธรรมขนาดนี้ น่าจะเป็นคนที่รู้จักปล่อยวาง และรู้จักมองหาคุณค่าในชีวิตใฝ่หาสุขนิยมมากกว่าที่จะหลงใหลกับวัตถุนิยม ที่ห่อหุ้มเปลือกนอก

ไม่แปลกเลย ที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ จะ “ตกเป็นข่าว” ว่าด้วยการโดน องค์การอาหารและยา (อย.) เอาผิด เกี่ยวกับการโฆษณาขายสินค้าประเภทอาหารเสริม ในลักษณะชวนเชื่อ ด้วยการกล่าวอ้างสรรพคุณ ที่ “เกินจริง”


จริงอยู่ที่บรรดาอาหารเสริม หรือเครื่องสำอางทุกแบรนด์ในบ้านเรา โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีเหล่าคนดังในแวดวงบันเทิง , เซเลบริตี้ หรือกระทั่งยูทูปเบอร์ต่างๆ เป็นเจ้าของนั้น ก็มักจะอาศัยชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ความเป็นบุคคลในสื่อ มาเป็นต้นทุนในการโฆษณาขายของ ทำให้ผู้คนคล้อยตามไปได้ง่ายๆ

แต่.....ในบรรดาสินค้าทั้งหมดทั้งมวลนั้น ก็ยังไม่ปรากฏว่าจะมีแบรนด์ใด อวดอ้างสรรพคุณได้ “โหด” เท่าสินค้าของ กาละแมร์

ที่มีทั้ง....ยกหน้ากระชับ , ทำให้จมูกเข้ารูป , ทำให้ตาสองชั้น และลามหนักไปถึงสรรพคุณในเชิงการแพทย์ ทั้งการรักษาโควิด , มะเร็ง แม้กระทั่ง โรคซึมเศร้า !!!


ว่าง่ายๆ ก็คืออาศัยความอ่อนไหวของผู้คน ที่กำลังวิตกกังวลกับเรื่องใด มาผันแปรเป็นการสร้างรายได้ให้กับตัวเอง โดยไร้ซึ่งจิตสำนึก ว่าจะก่อเกิดผลกระทบ กับผู้บริโภคที่หลงเชื่อกับโฆษณาดังกล่าวมากน้อยขนาดไหน !!???

ขนาดตกเป็นข่าวดังขนาดนี้ ยังมีการนำไปเป็นจุดขายสินค้าหน้าตาเฉย เรียกว่าไม่สะทกสะท้านต่อความผิดบาปแต่อย่างใด


นั่นก็เพราะการตั้งเป้าหมายในชีวิตโดยใช้เงินเป็นตัวตั้งนั่นเอง

นอกจากการอวดอ้างสรรพคุณของสินค้าที่เกินจริงไปมากแล้ว กลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งที่พบเห็นในการทำโฆษณาสินค้าของ กาละแมร์ ก็คือการพยายามทำเองเป็น Life Coach ใช้แคปชันประกอบภาพด้วยการยกข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต ทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ ใช้จิตวิทยาในการแนะแนว พร้อมๆ กับโน้มน้าวใจคนให้คล้อยตามแฝงไปกับการขายของ


ถามว่าวิธีการนี้ ได้มาจากไหน !!!???

คงยังไม่ลืมว่าพิธีกรฝีปากกล้าคนนี้ เป็นหนึ่งในศิษย์เอกของคลาสหนึ่ง ซึ่งเคยตกเป็นข่าวโด่งดังมาก่อนหน้านี้ในลักษณะที่ผู้สอนสร้างตัวเองให้เป็น Somebody ที่มีคนนับหน้าถือตา และหากินบนความเชื่อของผู้คน

กาละแมร์ ก็ใช้โมเดลนี้ในการทำธุรกิจอาหารเสริมเช่นเดียวกัน

วันนี้ กาละแมร์ แทบจะไม่เหลือคราบไคลของความเป็นสื่อมวลชนแล้วด้วยซ้ำ เพราะวางสถานะตัวเองไม่ต่างจากพวกที่ทำธุรกิจขายตรง

นั่นคือการพยายามสร้างมูลค่าด้วยทรัพย์สินประดามี ไม่ว่าจะเป็นคอนโดราคาหลายล้าน รถยนต์ยี่ห้อหรู หรือการใช้ชีวิตแบบฟุ้งเฟ้อ รวมถึงการนำเสนอประเด็นข่าวเรื่องการทำกำไรจากธุรกิจนี้ด้วยมูลค่าหลักร้อยล้านบาท


แล้วก็นำเงินดังกล่าวมาทำบุญ สร้างภาพต่อไปได้อีก !!!


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความจริงข้อหนึ่งที่ทุกคนต้องยอมรับก็คือ กฎหมายของบ้านเราที่จะเอาผิดในเรื่องนี้อ่อนมาก

บทลงโทษตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขายได้หลักร้อยล้าน แต่โดนปรับแค่หลักหมื่น !!!

โทษแค่นี้ไม่ได้ทำให้คนที่ทำธุรกิจในลักษณะนี้สะทกสะท้าน หรือแม้แต่เข็ดหลาบแต่อย่างใด

ขนาดว่า บริษัท พาวเวอร์ชอต จำกัด ของ กาละแมร์ เอง แม้จะมีความผิดฐานโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาสรรพคุณอาหารอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอินสตราแกรม มาแล้ว 7 คดี แต่ก็ยังสามารถลอยหน้าลอยตาโฆษณาชวนเชื่อขายของ โดยไม่อินังขังขอบแต่อย่างใด

อยากรู้เหมือนกันว่าบทสรุปในชีวิตของกาละแมร์นับเนื่องจากนี้จะเป็นอย่างไร !!???

จะยังคงมีที่ยืนในสังคมในฐานะสื่อเหมือนเดิมหรือไม่ ?


หรือจะใช้ชีวิตช่วงที่เหลือจากนี้ กับกองเงินกองทองที่หามาได้จากการทำธุรกิจบนความเชื่อของผู้คน ต่อไป !!!

ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23-29 มกราคม 2564

Let's block ads! (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( มายาคติ ของ “กาละแมร์” เมื่อ “เงินคือพระเจ้า” ••• ก็คือ - ผู้จัดการออนไลน์ )
https://ift.tt/3qOEjnd
บันเทิง

Bagikan Berita Ini

0 Response to "มายาคติ ของ “กาละแมร์” เมื่อ “เงินคือพระเจ้า” ••• ก็คือ - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.