Search

“เอ็มมี่” เคลียร์ไม่ใช่เมีย! แค่ ผจก. “เสือ” ภูมิใจดันเป็นพระเอกได้แล้ว “กานต์” จวกเกรียนเพ้อเจ้อ โยง “เสก” พ่ออีกคน - ผู้จัดการออนไลน์



“กานต์” อ้าแขนรับ “เอ็มมี่” เป็นครอบครัวโลโซ แต่โวยไม่ใช่เมีย “เสือ” ฟุ้งไลน์หาตอนตี 2 ฝากดันลูกชายเข้าวงการ เอ็มมี่กดดันอีกฝ่ายเป็นลูกศิลปินระดับประเทศ ส่วนตนถูกตราหน้าตัวตลกมาตลอด ยืดอกภูมิใจหาละครให้เสือได้แล้ว เป็นทั้งพระรอง และพระเอก กานต์เฉ่งเกรียนเพ้อเจ้อ โยงเสก พ่อของลูกในท้องเอ็มมี่

หลังจากที่ปล่อยให้เกิดคำถามบนโลกโซเชียล เหตุ “เอ็มมี่ แม็กซิม” อมลวรรณ กิตติศิริรัตน์ โพสต์รูปรวม 4 คน มีเจ้าตัวพร้อมกับครอบครัวของ “เสก โลโซ” เสกสรรค์ ศุขพิมาย “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย” และ “เสือ เสฏกานต์ ศุขพิมาย” อยู่ในเฟรมเดียวกัน พร้อมกับข้อความ “ขอบพระคุณพ่อแม่ที่มั่นใจในตัวหนูนะคะ สัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด #เอ็มมี่ก็รักเสือ เหมือนที่พ่อกับแม่รักคะ #พวกเรารักครอบครัวloso” ทำเอาคนคิดกันไปต่างๆ นานา พร้อมกับมีคอมเมนต์ถามว่าหรือที่แท้แล้วพ่อของเด็กในน้องเอ็มมี่ คือเสือหรือเปล่า

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (6 ม.ค.) กานต์, เสือ และ เอ็มมี่ ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ณ หมู่บ้านนันทวัน โดยสาวเอ็มมี่ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนกับเสือ เป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัวและศิลปินในสังกัดเท่านั้น

เอ็มมี่ : “จริงๆ วันที่โพสต์รูปวันนั้นคือวันที่เอ็มมี่ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ไว้วางใจให้เอ็มมี่ได้เข้ามาดูแลเสือ คือจริงๆ มันก็ผิดตรงที่เอ็มมี่ไม่ได้พูดว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวแหละบอกตรงๆ กล้าพูดตรงนี้ได้เลยว่า หนูไม่กล้าพูดว่าหนูเป็นผู้จัดการเสือ เพราะมันทำตัวยากมาก ด้วยความที่เขามีโปรไฟล์ที่ดีอยู่แล้ว แบ็กกราวด์แน่นมาก และอีกอย่างคือคุณพ่อเขาเป็นศิลปินแนวหน้าของเมืองไทย มันเลยทำให้เอ็มมี่รู้สึกกดดันว่าเราจะไปดูแลลูกเขาได้เหรอ แล้วหนูกลัวที่สุดคือคอมเมนต์ว่า มึงดูแลตัวเองให้รอดก่อนไหม นี่คือสิ่งที่หนูกลัว

แต่หนูก็พูดไปว่าหนูรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่รักเสือมาก เอ็มมี่ก็บอกว่าเอ็มมี่จะรักเสือเหมือนกับที่พ่อกับแม่รักแค่นั้นเองค่ะ ก็ขอบคุณพ่อกับแม่ที่มั่นใจในตัวเอ็มมี่ ต้องขอบคุณพี่กานต์ด้วยจริงๆ คือ 02.30 ไลน์มา หนูก็ตกใจ ยังไม่กล้าเปิดอ่าน ก็เลยโทร.หาเสือก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ยูอยู่ไหน ยูทำอะไร ทำไมแม่ถึงดูเป็นห่วงขนาดนี้ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรนะ เอ็มมี่ก็เลยตัดสินใจโทร.กลับไปคุยค่ะ ก็บอกว่าอยากให้เสือเขาโตด้วยตัวเอง อยากให้เสือมาเส้นทางวงการบันเทิงด้วยตัวเอง และเสืออยากมาเล่นละคร หนูก็ขำ บอกว่าพี่กานต์อำหนูใช่ไหม เพราะหนูมีความรู้สึกว่าเขาสามารถหาผู้จัดการที่ดีกว่าหนูได้ พี่กานต์ก็บอกไม่เอาๆ กานต์จะเอาเอมมี่”

กานต์ : “คือไม่ได้นึกถึงใคร ไม่เคยทักไปหาใครเลย อยู่ดีๆ คืนนั้นดึกๆ ก็ทักไปว่าเอ็มมี่ช่วยเสือด้วย (หัวเราะ) แล้วเอ็มมี่ก็โทร.หาเสือ แล้วก็โทร.หากานต์ เขาบอกเดี๋ยวจะหาผู้จัดการคนอื่นให้ กานต์ก็บอกว่าไม่เอาๆ เอาเอ็มมี่นี่แหละ คือน้องเสือเขามีความมุ่งมั่นที่อยากจะทำงานในวงการบันเทิงไม่ใช่แค่นักร้อง คืออยากเป็นนักแสดง แต่ทางพวกกานต์กับเสกจะเป็นกลุ่มศิลปินนักร้อง ด้านวงการแสดงไม่รู้เรื่องเลย กานต์ก็เลยบอกเอ็มมี่ช่วยเสือด้วย (หัวเราะ)”

เอ็มมี่ : “วันนั้นเอ็มมี่ก็เลยบอกว่างั้นยังไม่ต้องเซ็นสัญญา อยากจะลองพิสูจน์ตัวเองก่อน ก็เลยหาคนเข้ามาช่วย หนูก็หาอีเวนต์ให้เสือประมาณ 3-4 งานได้ และบังเอิญมีเฟซบุ๊กโพสต์หานักแสดง และบอกว่าถ้าเป็นนักแสดงต้องกล้าที่จะแคส หนูก็เห็นว่าดาราผู้จัดการหลายๆ คนก็ทักเข้าไป และเขาก็ดูแลศิลปินดังๆ หนูก็เลยตัดสินใจให้เสือเข้าไปแคส สรุปว่าเสือได้ละคร พอได้ละครหนูก็กลัวว่าจะเสียเพชรเม็ดงามไป ก็เลยเอาสัญญาให้ดูก่อนว่าเป็นแบบนี้ๆ โอเคไหม พอทั้งคู่โอเค เอ็มมี่ก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญา

ตอนคุยกันกับแม่ก็ 2 เดือนแล้วค่ะ หนูก็ยังไม่คิดอะไร หนูกลัวเพราะว่าพ่อเขาเป็นศิลปินแนวหน้า แล้วหนูเป็นใครล่ะ ใครๆ ก็มองว่าหนูเป็นตัวตลกของวงการ แล้วจะไปดูแลลูกเขาได้เหรอ มีแต่ข่าวฉาว ทำอะไรก็โดนด่า แล้วยิ่งบอกว่าเป็นผู้จัดการเสือนี่โดนแน่ หนูก็คิดว่าลองหางานให้น้องก่อน ก็หาอีเวนต์ให้ 4 งาน มีงานพิธีกรและงานอื่นโน่นนี่

แล้วพอได้ละครหนูก็เริ่มกลัวว่าถ้าเขาเอาน้องไป แล้วหนูก็พาน้องไปกดสิว ไปทำทุกอย่าง (หัวเราะ) ก่อนจะไปทำงานหนูก็ต้องจ้างช่างแต่งหน้านะ คือ หนูให้น้องออกไปแบบเพอร์เฟกต์ หนูดูแลทุกอย่าง คือหนูเชื่อว่าเสือไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน ตอนแรกคุยกันว่าพี่จะไม่เปิดตัวว่าพี่เป็นผู้จัดการนะ จนกว่าเสือจะสำเร็จและไปได้สุดในชีวิตแล้วพี่ค่อยออกมาเปิดตัว แต่ด้วยความที่แม่เขาก็เมตตาเอ็มมี่มาก เจอกันที่บ้านบ่อย หนูก็เลยตัดสินใจโพสต์ขอบคุณแม่แค่นั้นเอง”

“เสือ” บอก “เอ็มมี่” เป็นคนที่โปรเฟสชันแนลมาก ทุ่มเทกับงานจริงๆ
เอ็มมี่ : “เขารู้ว่าเอ็มมี่ดุ (ยิ้ม)”

เสือ : “ก็รู้สึกดีครับ เพราะว่าผมมุ่งมั่นที่อยากจะเข้าวงการมาสักพักแล้วตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา แต่ก็ไม่มีใครที่จะเสนอผมเข้าไปได้อย่างเต็มตัว แล้วพอคุณแม่ได้คุยกับพี่เอ็มมี่ ผมก็รู้สึกดีครับ”

กานต์ : “คุยกับเอ็มมี่ครั้งเดียว คนเดียวเลยด้วยนะ (หัวเราะ)”

เสือ: “คือตอนที่ผมไปออกรายการและไปหาคอนเนกชันกับคนที่อยู่ในวงการ ก็ไม่ได้ไปคุยอะไรซีเรียสขนาดนั้น พอไม่กี่เดือนที่แล้วก็ได้คุยกับพี่เอ็มมี่ ผมก็รู้จักพี่เอ็มมี่จากรายการๆ นึงนี่แหละเมื่อสักประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันมาก เพราะผมกลับไปเรียนที่อเมริกา ก็มีทักกันบ้างว่าเป็นยังไงบ้างครับ มีงานอะไรบ้าง

และพอได้คุยกันซีเรียสก็ลงตัวกันมากขึ้น ได้รู้จักพี่เขามากขึ้น และพี่เอ็มมี่ก็ดูแลดีจริงๆ เขาโปรเฟสชันแนลมาก เขามุ่งมั่นในงาน พอเขาหางานอีเวนต์แรกๆ ให้ผมได้มันก็เป็นอะไรใหม่ๆ ที่ผมเพิ่งได้เข้ามาร่วมด้วย ผมก็รู้สึกดีใจที่เราทำได้ ก็เห็นว่าวันข้างหน้าก็น่าจะมีงานเพิ่มเข้ามามากขึ้นพอสมควร มีงานใหญ่ๆ มากขึ้น ผมก็ตื่นเต้นกับโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นครับ

ผมไม่ได้บอกว่าเน้นงานแบบไหน ก็ตามที่เขาหามาได้เลย พี่เขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมอยากจะเข้าไปทางไหน เขาก็ไม่ได้หางานมั่วโน่นนี่ เขาก็หางานที่มันเหมาะกับผมจริงๆ เขาถึงหามาให้ครับ ถามว่าที่พี่เขากังวลว่าเขาอาจจะเป็นผู้จัดการที่ไม่ดีหรือเปล่า จากใจผมเลยนะรู้สึกว่าเขาเป็นผู้จัดการที่ดี เพราะอีเวนต์ 3-4 งานที่ผ่านมา และพาไปแคส พาไปทำโน่นทำนี่ ดูแลนอกงาน รักษาตัวเอง ดูแลเรื่องบุคลิกภาพ ทำหน้าด้วย

คือเขาเทกแคร์ดีจริงๆ ไม่ได้แค่มาเซ็นสัญญา แต่เขาดูแลดีจริงๆ เขาก็ทักมาในไลน์ตลอด แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่ตอบไลน์เยอะขนาดนั้น (หัวเราะ) แต่พี่เขาก็ทักมาตลอดครับ คอยเช็กว่าอยู่ไหน อยู่บ้านไหม พอมีงานอะไรเขาก็ต้องบอกล่วงหน้าอยู่แล้วว่าต้องเตรียมพร้อมนะ วันนี้ต้องตื่นกี่โมง (หัวเราะ) คือเป็นระบบมากๆ ครับ โปรเฟสชันแนลมากๆ ไม่มั่วซั่วเลย ผมก็รู้สึกดีครับ แต่พี่เอ็มมี่ดูแลเฉพาะเรื่องการแสดงครับ เพราะงานเพลงตอนนี้ยังทำกับทีมงานของตัวเองอยู่”

เผยเซ็นสัญญา 3 ปี
เอ็มมี่ : “หนูเซ็นไปแค่ 3 ปีเอง จริงๆ ตอนแรก 2 ปีค่ะ แล้วก็เลยลองคุยกันใหม่ ก็เป็น 3 ปี ผลประโยชน์คือแบ่งเป็น 70/30 เหมือนผู้จัดการดารา แต่ก่อนที่ยังไม่เซ็นสัญญาเอ็มมี่เอาน้องแค่ 20% เอง บางงานหนูก็ให้โอนเข้าน้องเลย ไม่มีมุบมิบ ไม่มีลับลมคมใน และให้น้องโอนกลับมาเอง เป็นอะไรที่เปิดเผยมาก

แค่ด้วยความที่น้องเป็นวัยรุ่น เอ็มมี่จะกลัวน้องแฮงค์เอาต์บ่อย ถ้าพรุ่งนี้รู้ว่าต้องมีงานเสือต้องห้ามดื่ม ห้ามแฮงก์เอาต์ เขาก็ฟังหมด เขาไม่ดื้อ ก็บอกเขาว่ารู้ใช่ไหมทำงานคือทำงาน ถ้าพี่ดุคือดุ เขาก็จะเข้าใจ ระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาส่วนมากเป็นงานอีเวนต์มากกว่า แล้วพอไปแคสติ้งละครได้ น้องก็ได้เป็นพระรองค่ะ แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่กำลังจะทำละครอีก ครั้งนี้น้องจะได้เป็นพระเอก กำลังคุยกับผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ก็ค่อนข้างดูเมตตาน้องมากค่ะ

กานต์ : “กานต์ปล่อยเลย ไม่ยุ่ง เพราะที่กานต์คุยกับเอ็มมี่คือกานต์ไม่อยากให้เสือเขาติดภาพกานต์กับเสก ก็ให้เอ็มมี่ไปจัดการ ทุกวันนี้จะคุยอะไรก็ยังผ่านเอ็มมี่ด้วยนะว่าบอกเสือให้หน่อย เพราะเราก็ต้องให้เกียรติเขา เพราะเขาก็น่าจะเชื่อฟังกันมากกว่า (หัวเราะ) ถามว่าเรากลัวคนติดภาพไหมว่าเสือเป็นลูกเสก-กานต์ ก็ถึงได้บอกว่าอย่าคิดว่าเป็นลูก ให้ดูผลงานที่น้องเสือกับเอ็มมี่เขาทำกัน เพราะกานต์ไม่ยุ่งจริงๆ ไม่ยุ่งชิ้นงาน ไม่อะไรเลย”

เอ็มมี่ : “เวลามีอะไรแม่ก็จะบอกว่าเอ็มมี่เรื่องนี้คุยให้หน่อยได้มั้ย”

กานต์ : “เพราะเราพูดไปแล้วว่าจะไม่แตะเลยนอกจากเพลง”

เอ็มมี่ : “ถ้าเป็นเรื่องเพลงเอ็มมี่ก็จะไม่ยุ่งทางนี้ค่ะ เอ็มมี่ก็จะมีแค่เป็นอีเวนต์ แล้วก็ละคร และงานอื่นๆ ที่เอ็มมี่สามารถหาให้น้องได้ แต่ทุกอย่างต้องเหมาะสมกับลูกเขา คือ เอ็มมี่จะคิดตลอดว่าเขาคือลูกศิลปินนะ และหนูไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งในวงการ คือหนูถูกตราหน้าไว้ว่าก็แค่ตัวตลกในวงการ มันเลยทำให้หนูรู้สึกกดดัน เพราะฉะนั้นถ้าสมมติต้องทำโปสเตอร์เสือ หนูจะขอดูโปสเตอร์ก่อน จะขอขยับโน่นนี่หน่อย เพราะเราก็จะเกรงใจตรงนี้มากๆ”

กานต์ : “ไม่ต้องเกรงใจ บอกไม่รู้กี่ครั้ง (หัวเราะ)”

ยอมรับเครียดโดนโยงเป็นพ่อเด็กในท้อง “เอ็มมี่”
เสือ: “ตอนแรกผมก็รู้สึกงงๆ นะ เพราะว่ามันไม่จริง แต่พอเห็นคนคอมเมนต์เรื่อยๆ ก็รู้สึกเครียด รู้สึกกังวลนิดหน่อยว่าคนมาคิดอะไรแบบนี้ทำไม ผมก็เลยอยากจะบอกว่าก่อนเราอ่านคอมเมนต์ อ่านอะไรพวกนี้ เราก็ต้องคิดว่ามันเป็นจริงได้หรือเปล่า

คือผมเคยพูดว่าผู้หญิงกับผู้ชายมาทำงานด้วยกัน เราอยู่ในฐานะพี่น้องกันก็ได้ อยู่ในฐานะคนทำงานด้วย ไม่ต้องไปอะไรมากกว่านั้น มันเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เลยครับ เราไม่ต้องเชื่อมโยงอะไรมากกว่านั้นเลย ผมกับพี่เอ็มมี่ก็เป็นฐานะพี่น้องกัน รู้จักกัน ไม่ได้มีอะไรถึงจะต้องไปเชื่อมโยงขนาดนั้นเลย ผมเลยคิดว่าเป็นอะไรที่ไม่น่าคิดแบบนั้นเลยครับ

ผมไม่ได้อยากไปอ่านคอมเมนต์อะไรแบบนี้เลยครับ ที่ผมเครียดคือมีคนรู้จัก มีเพื่อนๆ มาถามว่าข่าวนี้มันเป็นอะไรยังไง อันนั้นทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ ผมก็ต้องค่อยๆ บอกเขาว่ามันไม่จริง แต่พวกคอมเมนต์ผมก็คุยกับพี่เอ็มมี่ พี่เอ็มมี่ก็บอกว่าให้ทำใจยังไง เพราะเรื่องคอมเมนต์นี่พี่เอ็มมี่โดนโจมตีมากกว่าผมเยอะ พี่เอ็มมี่ก็บอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

กานต์ : “ในความคิดของกานต์ เกรียนก็คือเกรียนนะ คุณยังไม่รู้จักเขาเลยแล้วคุณกล้าด่าได้ยังไงโดยที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยแม้แต่คุย เห็นแค่ในโซเชียลหรือในจอทีวี คนเรามันไม่ได้ดูเฉพาะแค่โพสต์นะ กานต์ไม่เคยรู้จักเอ็มมี่มานาน ก็เพิ่งมาใกล้ชิดกันตอนหลังนี้ก็รู้ว่าเขาเป็นคนจริงจังเรื่องงาน เป็นคนที่รับผิดชอบ เป็นคนดีคนนึง ต้องสัมผัสเขาจริงๆ เพราะปกติก็ไม่ติดตามข่าวใครอยู่แล้ว ติดตามแต่ข่าวตัวเอง (หัวเราะ) กานก็จะไม่ค่อยรู้แบ็กกราวน์ แต่สำหรับกานต์ถ้าเขาดีกับเรา เรื่องอะไรยังไงมันก็ไม่เกี่ยว

ส่วนที่มีคอมเมนต์โยงไปถึงเสกด้วยว่าหรือจะเป็นเสก เพ้อเจ้อ (หัวเราะ) ไร้สาระค่ะ อย่าไปสนใจ บ้าหรือเปล่า (หัวเราะ) นี่เขาจริงจังมากนะ กานต์บอกว่าดุเสือได้เลย กานต์ไม่แตะนะ อยากทำอะไรก็เชิญเลย ขอให้แยกกานต์กับเสกออกจากพาร์ตการแสดงของเสือเลย กานต์ไม่อยากให้เป็นโลโก้กานต์เสกเสือ เพราะเขาก็อยากเป็นด้วยตัวเอง”

เอ็มมี่ : “ตอนแรกปวดหัวเรื่องเสือก่อน (หัวเราะ) เพราะเขาเริ่มเครียดกับคนรอบข้าง เอ็มมี่ก็ถามเขาว่ารักพ่อกับแม่อยู่ไหม ยังอยากจะโตด้วยตัวเองอยู่ไหม เขาก็ตอบว่าใช่ เอ็มมี่ก็อธิบายทุกอย่างเลยว่าเสือลองย้อนกลับไปดีๆ ว่าคนที่โดนโจมตีเป็นใคร ณ วันนี้มันจำเป็นไหมที่เอ็มมี่จะต้องมานั่งโดนด่าเพราะเรื่องเอ็มมี่กับเสือ หรือเรื่องเอ็มมี่โลโซ

เอ็มมี่เลยมีความรู้สึกว่าเอาใหม่ จูนก่อน วันนี้คนที่เครียดที่สุดคือเอ็มมี่นะ พอคุยกันแล้วเขาก็เก็ตกับคำพูดของเรา หนูรู้สึกว่าเราสองคนทำงานง่าย เราใช้ภาษาเดียวกันคุยกัน มันก็เลยไม่ยาก เขาไม่ดื้อ และคุณพ่อคุณแม่เขาก็จะไม่มาก้าวก่ายเลย เขาบอกยกให้แล้วจะทำอะไรก็ทำ แม่บอกรีบๆ มาเอาไปจัดการเลย จะทำสัญญาอะไรเมื่อไหร่”

กานต์ : “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงไว้ใจเอ็มมี่ คือ ความมุ่งมั่นในใจเราลึกๆ อยู่แล้วคือน้องเสืออยากเป็นนักแสดง กานต์ก็คิดว่าแล้วกูจะไปติดต่อใครวะ แล้วอยู่ดีๆ ก็ทักหาเอ็มมี่เฉยเลยทั้งๆ ที่ไม่เคยทัก แล้วเขาก็โทร.มาหาเสือเลย แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ทำอะไรอยู่ดึกๆ ดื่นๆ รีบโทร.กลับมา แค่นี้มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าจิตใจของคนนี้เขาเป็นยังไง ทั้งที่ไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกันเลย แค่รู้จักผ่านรายการ แลกไลน์กัน กลายเป็นว่าเมื่อเขาจริงใจทุ่มเทขนาดนี้ เขาต้องทำให้เสือสำเร็จได้”

ยืนยันเป็นแค่ผู้จัดการกับนักแสดงในสังกัดเท่านั้น
เอ็มมี่ : “เอ็มมี่กับเสือเป็นผู้จัดการจริงๆ ค่ะ เป็นพี่น้อง คือเป็นมากกว่าที่ทุกคนเขาตีความไปแล้ว หนูสองคนคือใจกับใจ”

กานต์ : “นี่เป็นครอบครัวโลโซไปแล้วนะ จริงๆ นี่ก็ยังไปกินข้าวกันกับเสกบ่อยๆ อยู่แล้ว”
เอ็มมี่ : “หนูก็จะเรียกพ่อเสกว่าพ่ออยู่แล้ว เรียกมา 4-5 ปีแล้ว เจอกันหนูก็กอดพ่อ เพราะหนูไม่มีพ่อเนอะก็รักเขาเหมือนพ่ออยู่แล้วค่ะ ส่วนเรื่องคนมองว่าเป็นการสร้างกระแสหรือเปล่า จริงๆ แล้วคำว่าสร้างกระแสหนูต้องขอบคุณทุกคนมากกว่า หนูโพสต์ในที่ของหนูใช่ไหม แต่คนที่สร้างกระแสให้หนูคือคอมเมนต์ เพราะฉะนั้นวันนี้หนูขอขอบคุณทุกคนมากๆ ที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาคอมเมนต์ให้หนู หนูพูดจากใจเลยวันนี้วันพระด้วย ทุกคนต่างหากที่กำลังสร้างกระแสให้หนู หนูขอบคุณมากๆ ที่ทำให้หนูไม่ตกกระแสเลย ขอบคุณมาก ด่าได้แต่อย่าแรง ให้เช็กบัญชีด้วย (ยิ้ม)”

กานต์ : “กับข่าวนี้เสกเขาไม่รู้รายละเอียด พอบอกว่าเรื่องของเขาสองคน เสกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาไม่รู้เรื่อง เพราะเขาไม่ได้เล่นโทรศัพท์ เมื่อกี้ก่อนออกมาเขาก็บอกว่า เขาก็รับรู้หมดค่ะ และที่ตอนแรกเอ็มมี่โพสต์ไปก็ไม่กำกวมนะ มันเกิดจากความรักกันนะ ถ้าเกิดไม่รักกันเขาจะโทร.มาเช็กเหรอว่าเป็นอะไรตอนตี 1 ตี 2 ถ้าเป็นคนอื่นใครจะมาโทร.กลับ เป็นกานต์ก็ไม่โทร.เหมือนกัน อันนี้พูดตรงๆ”

เอ็มมี่ : “จริงๆ รูปนั้นแม่โพสต์แล้วรอบนึง เป็นเดือนแล้วมั้ง แล้วด้วยความที่หนูโทรศัพท์พังเลยไม่ได้โพสต์ พอปีใหม่ก็ได้มาหาพ่อกับแม่พอดี พอได้กลับมาเห็นรูปนั้นก็เลยโพสต์ ก็ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ และคำพูดที่หนูเขียนก็ชัดเจนทุกคำ ขอบพระคุณที่เชื่อมั่นในตัวหนู หนูจะรักเสือเหมือนที่พ่อแม่รัก แล้วหนูกำกวมตรงไหน หนูคิดว่าคำว่ากำกวมคือคุณต่างหากที่ไม่เปิดใจรับ”

กานต์ : “อะไรที่เกิดจากความรักมันดีหมด แต่ถ้าทุกอย่างมันเกิดจากผลประโยชน์มันไม่รอด กานต์ต้องพาเอ็มมี่ไปปลอบใจหน่อย เดี่ยวพาไปทะเล (หัวเราะ)”

เผยเรื่องวงดนตรีของ “เสก” ตอนนี้ให้คนอื่นมาดูแลแทน “เสือ” ไม่ได้เป็นผู้จัดการให้แล้ว
เสือ: “คือเรื่องงานวงดนตรีผมไม่ได้ดูมาสักพักแล้วครับ ผมดูตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาถึงประมาณโควิดล็อกดาวน์ครั้งแรกครับ ประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั้นผมก็ขอออกมาทำงานตัวเองมากกว่า ก็เลยยกหน้าที่นั้นให้พี่อีกคนนึง เขาก็มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวอีกคนนึง ตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ทำงานคอนเสิร์ตแล้ว แต่บางคืนที่ว่างๆ ก็ไปแจมด้วย แต่ไม่ได้ไปดู ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้รับงาน ก็มาทำงานกับพี่เอ็มมี่แบบเต็มตัวเลย”

เอ็มมี่ : “หนูฝาก ยามา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ด้วยนะคะ (หัวเราะ) เขาเป็นศิลปินเบอร์แรก แล้วก็เปิดใจรับหนูหน่อย เปิดใจรับเสือหน่อย คือคนๆ นึงเขาอยากจะโตด้วยตัวเอง คนๆ นึงเขาอยากจะเข้าไปอีกสเต็ปนึงด้วยตัวเอง ก็อยากให้ทุกๆ คนไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ทุกๆ ช่องนะคะ ทุกรายการนะคะ ละครทุกเรื่อง หนูกับเสือยินดีที่จะรับใช้ค่ะ เมตตาพวกเราหน่อยนะคะ (ยกมือไหว้)”


Let's block ads! (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( “เอ็มมี่” เคลียร์ไม่ใช่เมีย! แค่ ผจก. “เสือ” ภูมิใจดันเป็นพระเอกได้แล้ว “กานต์” จวกเกรียนเพ้อเจ้อ โยง “เสก” พ่ออีกคน - ผู้จัดการออนไลน์ )
https://ift.tt/399Hkra
บันเทิง

Bagikan Berita Ini

0 Response to "“เอ็มมี่” เคลียร์ไม่ใช่เมีย! แค่ ผจก. “เสือ” ภูมิใจดันเป็นพระเอกได้แล้ว “กานต์” จวกเกรียนเพ้อเจ้อ โยง “เสก” พ่ออีกคน - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.